ผ้าพื้นเมือง ผ้าจก
ผ้าพื้นเมือง ผ้าจก จังหวัดกาฬสินธุ์
ประวัติความเป็นมา
การทอผ้าจก กลุ่มทอผ้าพื้นเมืองบ้านอุปรี ตำบลไค้นุ่น อำเภอห้วยผึ้ง จังหวัดกาฬสินธุ์ ในพื้นที่อำเภอห้วยผึ้ง อาชีพหลักทำนา ทำไร่ หลังจากเสร็จจากทำนา แต่ละครัวเรือนได้มีการทอผ้าเพื่อใช้ในครัวเรือนและขาย เพื่อหารายได้มาใช้จ่ายในครัวเรือน แต่เดิมทอผ้าธรรมดา ขายไม่ค่อยดี จึงเริ่มก่อตั้งกลุ่มเมื่อปี พ.ศ. 2546 ได้เงินสนับสนุนหมู่บ้านละ 15,000 บาท จาก กศน. 80,000 บาท จาก ส.ส. ปี 2547 10,000 บาท จากนิคมสร้างตนเองกุฉินารายณ์ ซึ่งกรมแรงงานสนับสนุนไหมเพื่อใช้ในการทอผ้า ต่อมาได้ไปดูงานตามสถานที่ต่าง ๆ จึงได้ดัดแปลงเพิ่มเติมโดยมาทำผ้าปูโต๊ะ ทำให้มีรายได้เสริมต่อครัวเรือน 2,0000 – 4,000 บาทต่อเดือน และตั้งแต่ปี 2550 กรมแรงงานมาจัดฝึกสอนและอบรมการทอผ้าแบบมีลวดลาย เช่น ทอผ้าลายขิด ให้กลุ่มสตรีเป้าหมาย ประมาณ 30 คน ระยะเวลา 3 เดือน จึงได้ผลิตผ้าสไบ ผ้าพื้นตัดเสื้อ ผลิตผ้าจกเป็น ผ้าหลัก มีความหลากหลายของสินค้า ทำให้มีผู้สนใจในตัวสินค้าเพิ่มขึ้นทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ
เอกลักษณ์/ จุดเด่นของผลิตภัณฑ์
ลักษณะที่โดดเด่นของผ้าจก มีสีสันสลับสอดสีพื้นดำจกด้วยสี เส้นใยละเอียดเนื้อแน่น ลวดลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของท้องถิ่น และแสดงถึงศิลปะของความเป็นไทยท้องถิ่นได้อย่างเด่นชัด เหมาะสมสำหรับนำไปแปรรูปสินค้าได้หลายอย่าง มีความหลากหลายของสินค้า ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้
วัตถุดิบและส่วนประกอบ
1. ฝ้าย (ได้จากปลูกเองและจากซื้อจากตลาด)
2. ค้นหูก
3. ปั่นฝ้าย
4. กี่ (สำหรับขึ้นกี่ทอหรือทอเก็บขิด)
ขั้นตอนการผลิต
1. นำฝ้ายสำเร็จใส่ค้นหูกเพื่อกำหนดปริมาณผ้าตามต้องการ
2. ปั่นฝ้าย
3. นำขึ้นกี่ทอผ้าหรือทอเก็บขิด
4. การทอผ้าไหม ใช้ระยะเวลาประมาณ 10 วัน ส่วนการทอผ้าฝ้าย ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 วัน
เทคนิค/เคล็ดลับในการผลิต
1. การทอผ้าจกเป็นการทอลวดลายบนผืนผ้า ด้วยวิธีการเพิ่มด้ายพุ่งพิเศษเข้าไปขณะที่ทอเป็นช่วง ๆ ไม่ติดต่อกันตลอดหน้ากว้างของ
2. ผ้ากระทำโดยใช้ไม้หรือนิ้วมือ ยกหรือจกด้วยเส้นยืนขึ้น แล้วสอดเส้นพุ่งพิเศษต่อไปตามจังหวะของลวดลาย สามารถสลับสีได้หลากหลายสี
3. ถือว่าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นเนื่องจากเป็นผู้คิดค้นลายผ้าเอง เป็นการสร้างสรรค์ลายผ้าให้มีความสวยงาม
ใส่ความเห็น
Comments 0